ในเอกสารโครงการวิจัยของคณะวิจัยที่มีคุณชวนพิศ สีมาขจร เป็นหัวหน้า ระบุว่า คนโบราณพบว่า มีพืชหลายชนิดที่ใช้เป็นสีแต่งอาหาร และสีย้อมผ้าฝ้ายและไหม ให้สีแตกต่างกันขึ้นอยู่กับชนิดพืช และกรรมวิธีการย้อมในแต่ละแห่ง ส่วนใหญ่ของสีที่นำมาย้อมผ้าได้มาจากส่วนแก่น และเปลือกของไม้ ยืนต้น เช่น แก่นประโฮด แก่นฝาง แก่นเข แก่นขนุน แก่นประดู่ ซึ่งเดิมมีอยู่ในป่าธรรมชาติเป็นจำนวนมาก แต่ปัจจุบันหาได้ยาก ดังที่กล่าวแล้ว แม้จะมีการส่งเสริมให้ปลูกเพิ่มเติม แต่ต้องใช้เวลานานกว่าต้นไม้เหล่านี้จะเติบโตจนนำส่วนต่างๆ มาใช้ทำสีย้อมได้ ดังนั้นจึงมีการศึกษาวิจัยสกัดสีจากพืชโตเร็ว พืชอายุสั้น วัชพืชบางชนิด หรือพืชที่พอหาได้ทั่วไป โดยเฉพาะไม้ดอกไม้ประดับที่ปลูกในบ้านหรือตามหัวไร่ปลายนา มาใช้ทำสีย้อมผ้ารวมทั้งการสกัดสีจากบางส่วนของพืช เช่น ใบ ดอก ผล เปลือกผล เปลือกแห้งของต้น หรือเมล็ด ซึ่งมีปริมาณมาก และเกิดขึ้นใหม่ทดแทนได้ง่าย เช่น ใบหูกวาง เปลือกมังคุด ใบกระถินณรงค์เป็นต้น การพัฒนาเทคนิควิธีใหม่ๆ จะช่วยให้ได้สีย้อมผ้าที่แตกต่างกันไป นอกจากนี้การนำ สีที่สกัดได้มาผสมกัน ก็จะได้สีใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นการพัฒนาเทคนิคการแปรรูปวัตถุดิบให้สี หรือแปรรูปสารให้สี ทำให้ใช้วัตถุดิบได้อย่างคุ้มค่า ไม่ทิ้งวัตถุดิบให้เสียไป โดยการหาวิธีการเก็บรักษาไว้ใช้ยามที่ต้องการ สำหรับพันธุ์พืชที่นำมาใช้เป็นสีย้อมผ้า ซึ่งเป็นพันธุ์พืชหายากนั้น ได้มีการราบรวมไว้มากกว่า 50 ชนิด ที่โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ตำบลคลองไผ่ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา พืชทั้ง 50 ชนิดดังกล่าว มีหลายชนิดที่ยังไม่ได้มีการนำมาทดลองวิจัยเพื่อย้อมสีเส้นไหม ทางโครงการฯ จึงได้ร่วมกับกรมวิชาการเกษตร ทำการวิจัย อนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากไม้ย้อมสี
วิจัยสารสกัดจากดอกดาวเรืองย้อมเส้นไหม การศึกษาวิจัย และพัฒนากระบวนการสกัดสีและย้อมสีธรรมชาติ เป็นการศึกษาถึงปัจจัยต่างๆ ที่ผลต่อการย้อมสีรวมทั้งวิจัยแปรรูปสีธรรมชาติ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ
- พัฒนาการย้อมสีเส้นไหมด้วยสีธรรมชาติจากพืชชนิดต่างๆ ด้วยการพัฒนเทคนิคการสกัดสีจากพืชให้สีที่มีศักยภาพ รวมทั้งให้ได้วิธีการที่ประหยัดวัตถุดิบ แต่ได้สีที่มีคุณภาพดี
- พัฒนาเทคนิคการย้อมสีธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพ มีมาตรฐาน คุณภาพสีของเส้นไหมอยู่ในระดับดี เพื่อพัฒนาเป็นกรรมวิธีที่เหมาะสมสำหรับเผยแพร่ต่อไป
- แปรรูปวัตถุดิบพืชให้สี หรือน้ำสีที่สกัดได้ไม่เน่าเสียในฤดูกาลที่มีมาก และให้อยู่ในรูปที่สะดวกในการใช้ สามารถ ใช้ได้ทุกเวลา ซึ่งจะสามารถแก้ปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบได้
- พัฒนาวิธีเก็บรักษาไม่ให้สีเสื่อมคุณภาพ
ในการวิจัยของคณะผู้วิจัย จากศูนย์วิจัยหม่อนไหมนคราชสีมา ซึ่งมีคุณชวนพิศ สีมาขจร เป็นหัวหน้าคณะได้ศึกษาการย้อมสีเส้นไหมด้วยสีธรรมชาติ กลุ่มสีเหลือง ซึ่งมีการใช้วัตถุธรรมชาติหลายชนิด เช่น ประโฮด แก่นแข แก่นขนุน และรากยอ แต่พืชเหล่านี้เจริญเติบโตช้า และส่วนที่นำมาใช้ส่วนใหญ่เป็นราก ต้นและแก่น ซึ่งหมายถึงว่า ต้องตัดมาทั้งต้นชนิดถอนรากถอนโคน ไม่มีส่วนที่เหลือไว้ให้เจริญเติบโตได้อีก การศึกษาวิจัยจึงหันมาสนใจพืชอายุสั้น โตเร็ว และพบว่า "ดอกดาวเรือง" มีคุณสมบัติที่สามารถนำมาสกัดเป็นสีย้อมผ้าได้ ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว
คณะผู้วิจัยได้ทดลองสกัดสีจากดอกดาวเรืองสด ดอกดาวเรืองแห้ง โดยการนึ่งไอน้ำ 10 นาที และอบแห้งที่อุณหภูมิ 80 องศาเซลเซียส และดอกดาวเรืองแห้งที่ได้จากการผึ่งแดด ดอกดาวเรืองทั้ง 3 ลักษณะดังกล่าว มีปริมาณวัตถุดิบเริ่มต้นเท่ากัน หลังจากทำการสกัดวัดความเข้มข้นของสีเหลืองในน้ำสกัด ด้วยเครื่องมือวิทยาศาสตร์ที่เรียกว่า สเป็คโตรโฟโตมีเตอร์
เทียบกับสีเหลืองมาตรฐาน พบว่า สีสกัดจากดอกดาวเรืองนึ่งไอน้ำ และนำมาอบแห้ง มีความเข้มข้นสูงสุด รองลงมาเป็นน้ำสกัดจากดอกดาวเรืองสด และดอกดาวเรืองผึ่งแดด ตามลำดับ
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น